Thursday, February 21, 2008

ไล่ลาตามหา lunar eclipse


วันนี้ในหลายประเทศทั่วโลกจะสามารถมองเห็น lunar eclipse หรือในชื่อไทยคือ จันทรุปราคา ซึ่งถ้าพลาดครั้งนี้แล้ว ต้องรอถึง ธันวาคม 2553 กว่าจะได้เห็นอีกรอบ โดยดูข่าวจากสามวันก่อนก็เม็มลงไปในปฏิทินในกูเกิลคาเลนเดอร์ (Google Calendar) ไว้เลยว่าวันนี้ต้องไม่พลาดแน่ เวลาที่จะเกิดก็คือ 3-4 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น



จนกระทั่งวันนี้ นั่งทำงานถึงเย็นก็เล็งแล้วว่าอากาศแจ่มใสมาตลอดวัน เปิดพยากรณ์อากาศดูก็พยากรณ์ว่าตอนดึก ท้องฟ้าจะมีเมฆมาก ก็เริ่มคิดแล้วว่าถ้ามีเมฆนี่สงสัย พระจันทร์จะไม่โผล่มาให้เห็นแหง ก็ยังแอบหวังว่าพยากรณ์จะพลาด ตอน 2 ทุ่มออกมาหาข้าวกิน มองหน้าซ้ายขวาหน้าลงบนล่าง ไม่มีครับ พระจันทร์ ซ่อนไปไหนไม่รู้ เห็นแต่เมฆเต็มท้องฟ้า เอ้า เริ่มเครียดแล้ว ขณะที่มือซ้ายถือขาตั้งกล้อง มือขวาถือกล้อง สะพายเป้พร้อมเลนส์อีกตัว ทำไงดีเนี่ย ขับรถไปที่ห้องคอมพิวเตอร์แล็บ เปิดเน็ตนั่งเช็คว่า แนวโน้มของเมฆจะพัดไปทางไหน พอเช็คดูแล้วก็ไม่เวิร์กแน่ เมืองที่เราอยู่จะมีเมฆตั้งแต่ 2 ทุ่มยันไปถึง 4 ทุ่ม เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
ว่าแล้วก็กลับขึ้นรถ บึ่งรถไปเมืองข้างๆ ขับไปทางทิศตะวันออกเพื่อหนีทิศทางของเมฆ กะว่ายังไงก็จะให้ทันก่อน 3 ทุ่ม




จนถึงเมืองข้างๆ เป็นเมืองชนบท ถึงก่อนสามทุ่มเล็กน้อย ตอนขับมาก็ยังมองหาพระจันทร์เจ้าไม่เจอเลย ไปถึงก็หาที่จอดข้างทาง ดูรอบๆ หาบริเวณที่พื้นไม่เป็นน้ำแข็ง และไม่มีกองหล่มหิมะให้ติด ก็จอด ดับเครื่อง เปิดประตู กางขาตั้งกล้อง ปั๊บ หันซ้ายขวาหน้าหลังอีกรอบ ไม่มีอีกแล้วครับ คราวนี้ เมฆหนาทึบกว่าเดิมอีก อะไรกันเนี่ย ทำไงดี เริ่มเครียด + ตัดใจ ไหนไหนก็มาแล้ว ก็เอาซะหน่อย ถ่ายรูปกังหันลมปั่นไฟของเมืองนี้เล่นๆ ติดกล้องกลับไปหน่อยละกัน บวกกับอาการณ์แอบเซ็งเล็กน้อย




ถ่ายไปได้ซักพัก ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บประมาณ -15 เซลเซียสได้ นิ้วมือในถุงมือเริ่มชาและไม่รู้สึก นิ้วเท้าก็ชาไม่รู้สึกมานานแล้ว ก็ได้เวลาตัดใจกลับ พร้อมหาห้องน้ำขากลับก็เลยวิ่งถนนโลคอลถนนสองเลนกลับเมือง พอกลับเข้ามาในเมือง ผ่านโรงงานไฟฟ้าถ่านหินของเมืองก็แวะถ่ายละกัน ด้วยอาการไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ถ่ายไปเรื่อยๆ ซึ่งโรงงานนี้ปั่นไฟให้เมืองนี้และเมืองรอบข้าง




พอถ่ายไปได้ซักพัก เงยหน้าไปเห็นเงาอะไรลางๆ บนฟ้าขึ้นมา อ้าว เฮ้ย พระจันทร์ !!! ขณะนั้นก็เวลา 4 ทุ่มกว่าแล้ว พระจันทร์ก็โดนกินไปครบดวงแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มคลายให้ได้มองเห็น ก็เลยหันกล้องไปถ่ายพระจันทร์แทน กด กด กด ใหญ่ครับ กดผิดกดถูกไปหมด เนื่องจากอาการหนาว จนสุดท้ายได้รูปพอดูได้มาหนึ่งรูป ถ่ายเสร็จมาดู ก็งงว่าไอ้หางพระจันทร์คืออะไร ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่ก็เอาน่า สุดท้ายก็ได้แล้ว กลับบ้านนอนหลับฝันดีได้




กลับมาบ้าน หาของกิน ปลอกส้มหั่นเป็นแว่น แล้วราดด้วยชอกโกแลตเฮอร์ชีย์กินอย่างมีความสุข


No comments: